Ultra Omega-3 น้ำมันปลาความเข้มข้นสูง EPA500mg DHA250mg ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด รักษารูมาตอยด์ ลดอาการข้ออักเสบ ลดไตรกลีเซอรายสูง คนที่สูบบุหรี่จัด บำรุงสมอง ป้องกันอังไซเมอร์
Ultra Omega-3 น้ำมันปลาเข้มข้นสูง EPA500mg DHA250mg ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด รูมาตอยด์ ข้ออักเสบ ไตรกลีเซอรายสูง* ผลิตภัณฑ์ Now Food นำเข้าจาก USAจุดเด่นของ Ultra Omega3 1.ความเข้มข้นOmega3 (EPA+DHA) = 75% /softgel น้ำมันปลาเข้มข้น คือ น้ำมันปลาที่มี Omega3 35-50% น้ำมันปลาเข้มข้น คือ น้ำมันปลาที่มี Omega3 50% ขึ้นไป
2.สัดส่วน EPA/DHA = 2
น้ำมันปลาที่ดีควรมีสัดส่วน EPA (Eicosa pentaenoic acid) ต่อ DHA (Docosahexaenoic acid) ในสัดส่วน 1.5 เท่าขึ้นไป
3.สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกในน่านน้ำธรรมชาติเขตเมืองหนาว ซึ่งมีความบริสุทธ์และปลอดภัยจากสารปนเปื้อนและโลหะหนัก
4.เม็ดแคปซูลนิ่ม (Soft Gel) ช่วยป้องกันไม่ให้กรดไขมัน Omega-3 สลายตัวระหว่างรอทาน และช่วยทำให้ร่างกายดูดซึม omega3 ได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับ
1.ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
2.ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูง หรือมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง
3.สูบบุหรี่จัด มีความเครียดสูง
4.ผู้ที่มีอาการรูมาตอยด์
5.ต้องการบำรุงสุขภาพ
6.ผู้ที่อาการปวดอักเสบจากข้อเสื่อม7.มีไขมันพอกตับคำแนะนำการรับประทาน
1.การรับประทานที่ดีที่สุดคือทานพร้อมอาหาร หรือหลังอาหาร
2.ทานเพื่อลดไขมันไตรกลีเซอราย ไขมันพอกตับ สูบบุหรี่จัด แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด
3.สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรทาน Omega3 2 กรัมต่อวัน แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด
4.สำหรับผู้เป็นโรครูมาตอยด์ควรทานOmega3 2-3 กรัมต่อวัน แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด กลางวัน 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด
5.สำหรับผู้มีอาการปวดจากข้อเสื่อม ข้ออักเสบ แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด
6.ทานเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด
7.ทานเพื่อสุขภาพ แนะนำทาน เช้า 1 เม็ด
8.ไม่ควรทาน Omega3 เกิน 3 กรัม/วัน หรือ ห้ามเกินวันละ 3 เม็ด
น้ำมันปลา (Fish Oil) พบได้มากในปลาทะเลหรืออาหารทะเล โดยน้ำมันปลามีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega 3) ที่จำเป็นต่อร่างกาย , กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
น้ำมันปลามีโอเมก้า 3 เป็นส่วนประกอบหลัก โดยโอเมก้า 3 เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน สามารถแบ่งออกได้เป็น DHA (Docosahexaenoic acid) และ EPA (Eicosapentaenoic acid) กรดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ลดระดับไขมันที่เป็นอันตราย เพิ่มไขมันดีในเลือด และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
1. EPA ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Heart Disease)
2. EPAและDHA ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี
3. EPA ช่วยลดปริมาณไขมันในโรคไขมันพอกตับ
4. DHA ช่วยบำรุงสมอง ชะลอความจำเสื่อม
5. EPAและDHA ช่วยปกป้องจอประสาทตาจากความเสื่อม
6. EPA บรรเทาการอักเสบจากโรครูมาตอยด์
7. EPA ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดความหนืดของเลือดและลดการตอบสนองของหลอดเลือดต่อสารที่เพิ่มแรงดันเลือดในร่างกาย
8. EPA ช่วยลดอาการปวดอักเสบตามข้อ บรรเทาอาการข้อเสื่อม
ผู้ที่ต้องระมัดระวังในการรับประทานน้ำมันปลา
1.ผู้ที่แพ้ปลาทะเล หรือสารที่ใช้ในการผลิต โดยดูข้อมูลในส่วน Supplement Fact ทั้งในตารางและหมายเหตุใต้ตาราง.
2.ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ เช่น แอสไพริน เป็นต้น
3.ผู้ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เลือดหยุดไหลยาก เช่น มีแผลในกระเพาะอาหาร
4.ผู้ที่จะทำการผ่าตัดในระยะเวลาอันใกล้ ควรหยุดทานน้ำมันปลาอย่างน้อย 5-7 วัน ก่อนวันผ่าตัด
5.ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานน ามันปลา
6.เด็กและหญิงมีครรภ์ รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า ไม่ควรทานน้ำมันปลาเพราะอาจทำให้เลือดไหลหยุดช้าลงกว่าปกติ
"น้ำมันปลาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใช่ยา จึงไม่สามารถใช้แทนยา แต่ใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยดังที่กล่าวมาได้ "
"น้ำมันปลา ไม่ใช่ น้ำมันตับปลา "
"เปิดกระปุกแล้ว ควรเก็บไว้ในที่เย็น อากาศแห้ง"
"ไม่ควรทานร่วมกับยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเกร็ดเลือด หากทานยาดังกล่าวอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน"